วิธีการจอง

 
 
   
ช่องทางชำระเงิน
 
 พระเกจิ จ.อำนาจเจริญ+จ.บึงกาฬ ( 1)
 พระเกจิ จ.ยโสธร+จ.มุกดาหาร ( 3)
 พระเกจิจังหวัดปทุมธานี+จ.นครนายก ( 46)
 พระเกจิ จ.พิษณุโลก+ จ.เพ็ชรบูรณ์ ( 55)
 พระเกจิจังหวัดสุโขทัย+กำแพงเพ็ชร ( 19)
 พระพุทธชินราช+พระพุทธโสธร ( 3)
 พระเกจิจังหวัดราชบุรี... ( 12)
 พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์... ( 1)
 พระเกจิภาคอีสานทั่วไป... ( 2)
 พระเกจิภาคเหนือทั่วไป... ( 2)
 พระเกจิภาคใต้ทั่วไป... ( 1)
 พระเกจิภาคตะวันออกทั่วไป... ( 2)
 พระเกจิจังหวัดนครปฐม... ( 97)
 พระเกจิจังหวัดสมุทรสาคร... ( 51)
 พระเกจิจังหวัดสมุทรสงคราม... ( 19)
 พระเครื่องสมเด็จพระญาณสังวรฯ วัดบวรนิเวศ... ( 0)
 พระเกจิจังหวัดอ่างทอง... ( 62)
 พระเกจิจังหวัดสระบุรี... ( 58)
 พระเกจิจังหวัดลพบุรี... ( 841)
 พระเกจิจังหวัดกาญจนบุรี... ( 59)
 พระเกจิจังหวัดพิจิตร... ( 77)
 พระเกจิจังหวัดเพ็ชรบุรี... ( 11)
 พระเกจิจังหวัดชัยนาท... ( 32)
 พระเกจิจังหวัดอุทัยธานี... ( 18)
 พระเกจิจังหวัดนครสวรรค์... ( 180)
 พระเกจิจังหวัดสิงห์บุรี... ( 86)
 พระเกจิจังหวัดสุพรรณบุรี... ( 56)
 พระเกจิจังหวัดอยุธยา... ( 139)
 พระเกจิกรุงเทพฯ... ( 267)
 พระเครื่องหลวงพ่อสด ( ธรรมกาย ) วัดปากน้ำ... ( 14)
 พระเกจิจังหวัดนนทบุรี... ( 29)
 หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี ( 294)
 หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ( 14)
 หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ( 3)
 หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี ( 1)
 หลวงพ่อเกษม เขมโก ลำปาง ( 0)
 หลวงปู่เรือง เขาสามยอด จ.ลพบุรี ( 14)
 สมเด็จพุฒาจารย์ ( โต ) ทุกวัด... ( 4)
 พระมหากษัตริย์และบุคคลสำคัญ... ( 7)
 หลวงพ่อสังกิจโจ วัดเขาพระงาม จ.ลพบุรี ( 18)
 พระเกจิ จ.นครพนม+จ.ขอนแก่น ( 50)
 พระบูชาต่างๆ.... ( 2)
 พระเกจิ จ.สุรินทร์+บุรีรัมย์ ( 56)
 พระเกจิ จ.อุบลฯ+ จ.สกลนคร ( 60)
 พระพิฆเณศและเทพเจ้าทั่วไป... ( 4)
 พระเกจิ จ.ชัยภูมิ+ จ.อุดรธานี ( 16)
 ล็อคเก็ต-รูปถ่าย... ( 5)
 พระเกจิ จ.ศรีษะเกษ+ จ.ร้อยเอ็ด ( 26)
 เครื่องรางของขลังทั่วไป... ( 110)
 พระเกจิ จ.นครราชสีมา+ จ.มหาสารคาม ( 107)
 หลวงปู่ทวดทุกวัด... ( 26)
 พระเกจิ จ.หนองคาย+ จ.เลย ( 10)
 พระกรุทั่วไป... ( 3)
 พระเกจิ จ.หนองบัวลำภู+ จ.กาฬสินธุ์ ( 1)
 พระแท้ไม่รู้ที่รู้วัด... ( 697)
 พระเกจิ จ.เชียงใหม่+ จ.อุตรดิตถ์ ( 127)
 หลวงพ่อประเทือง วัดหนองยางทอย จ.เพ็ชรบูรณ์ ( 0)
 พระเกจิ จ.ตาก+ จ.เชียงราย ( 11)
 พระเกจิ จ.ลำพูน+ จ.แม่ฮ่องสอน ( 6)
 พระเกจิ จ.น่าน+ จ.พะเยา ( 2)
 พระเกจิ จ.แพร่+ จ.ลำปาง ( 15)
 พระเกจิ จ.นครศรีธรรมราช+ จ.พัทลุง ( 86)
 พระเกจิ จ.ประจวบฯ+ จ.ยะลา ( 51)
 พระเกจิ จ.สงขลา+ จ.ชุมพร ( 12)
 พระเกจิ จ.ระนอง+ จ.สุราษฎร์ธานี ( 4)
 พระเกจิ จ.ภูเก็ต+ จ.ตรัง ( 5)
 พระเกจิ จ.ปัตตานี+ จ.นราธิวาส ( 43)
 พระเกจิ จ.พังงา+ จ.กระบี่ ( 22)
 พระเกจิ จ.ชลบุรี+ จ.จันทบุรี ( 103)
 พระเกจิ จ.ระยอง+ จ.ปราจีนบุรี ( 88)
 พระเกจิ จ.สมุทรปราการ+ จ.ฉะเชิงเทรา ( 61)
 พระเกจิ จ.ตราด+ จ.สระแก้ว ( 12)
 พระเกจิ จ.สตูล ( 1)
 ประกาศจากเว็บเพิ่มบารมี ( 1)
 พระเครื่องจังหวัดบึงกาฬ ( 0)
 
แลก Link เพิ่มบารมี
 
 ใจคนจร เวปของคนชอบเดินทาง ร้านพระเครื่อง เพิ่มบารมี | สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง
 
นานา สาระ
 

 ....นักเลงพระ....
 ประวัติหลวงปู่คำมี พุทธสาโร วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
 พิเศษ...5
 เชิญชวน สมาชิกทุกท่าน แสดงความคิดเห็น ได้ที่ เว็บบอร์ด ครับ
 หลวงพ่อสังกิจโจ...พระดีในดวงใจ...
 ยินดีต้อนรับสู่นานาสาระ
 
 ประวัติหลวงปู่คำมี พุทธสาโร วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
ชีวประวัติและภาพวัตถุมงคล
หลวงปู่คำมี พุทธสาโร

...อริยะสงฆ์แห่งถ้ำคูหาสวรรค์...
หลวงปู่คำมี พุทธสาโร อายุยืนยาว ๑๐๘ ปี พลังจิตหลากหลาย
หลวงพ่อคำมี พุทธสาโร เกิดเมื่อเดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง เวลาประมาณเที่ยงตรง ในสหราชอาณาจักรลาว เดิมชื่อคำมี พระวิเศษ บิดาชื่อนายศรี พระวิเศษ มารดาชื่อนางน้อย พระวิเศษ มีพี่น้องร่วมสายโลหิต ๙ คน ได้ถึงแก่กรรมหมด หลวงปู่คำมีเป็นบุตรชายคนที่ ๕
ลักษณะพิเศษของหลวงปู่คำมีที่แปลกไปจากบุคคลธรรมดาโดยทั่วไปก็คือ ฝ่ามือทั้งสองข้างขวา-ซ้าย ลวดลายของเส้นมือมีลักษณะปรากฏเป็นยอดปราสาททั้งสองข้าง ฝ่าเท้าทั้งสองข้างกลางฝ่าเท้ามีลักษณะคล้ายดอกพิกุล
เมื่อสมัยตอนเด็กๆชอบเรียนธรรมมะและเมื่ออายุ ๑๔ ปี ได้ยินคำเล่าลือถึงคุณวิเศษความเก่งกล้าทางอาคมตลอดทั้งบารมีของสมเด็จลุน นั้นมากมายเอาเป็นว่ารวมๆกันแล้วสมเด็จลุนท่านเก่งยิ่งทำให้หลวงปู่คำมีนึกฮึกเหิมอยากจะไปพบท่าน อยากจะไปเรียนวิชากันท่านให้ได้ที่คิดขึ้นมาในขณะนั้นคือต้องบวชเป็นสามเณรถึงจะไปหาสมเด็จลุนได้เพื่อที่จะได้เรียนวิชาจากท่าน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงไปบอกพ่อและแม่ว่าจะบวชเณร พ่อกับแม่ก็ไม่ขัดศรัทธา จึงพาหลวงปู่คำมีไปหาพระครูพล เพื่อให้พระครูพลบวชให้ บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๔ ปี ที่วัดชุมพรพิสัยแขวงสุวรรณเขตประเทศเวียงจันทร์ (ลาว) โดยมพระครูพลเป็นอุปัชฌาย์


ราหูอมจันทร์ ( พระสุริยะบัพพาพระจันทราบัพพา ) แกะด้วยกะลาตาเดียว...สุดยอดเครื่องรางของท่าน
เมื่อบวชเป็นสามเณรสมดั่งใจปรารถนา ก็หมั่นฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่พระครูพลสั่งสอนจนแก่กล้าแล้วจึงลาพระครูพลออกธุดงค์หาที่สงบเงียบนั่งวิปัสสนากรรมฐานฝึกสมาธิอยู่ ๒ ปีเต็ม สิ่งที่ชอบเสียเหลือเกินในขณะนั้นคืออักขระเลขยันต์เพราะชอบมาตั้งแต่เด็กๆในส่วนลึกยังคงดิ้นรนที่จะเดินทางสู่สมเด็จลุน ตั้งความหวังว่าจะต้องไปศึกษาไสยเวทย์กับท่านให้ได้ มิใช่เป็นสิ่งที่ง่ายที่จะเข้าพบกับสมเด็จลุน กระแสข่าวการพำนักของท่านนั้นมิคงที่วันนี้ได้ได้รับข่าวสารว่าท่านโปรดญาติโยมที่ฝั่งลาวต่อไปท่านอาจไปฝั่งไทย หลวงปู่ท่านเล่าให้ญาติโยมฟังและ-ศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า การติดตามสมเด็จลุนในช่วงนั้นยากมาก ข่าวคราวของท่านนั้นมากด้วยบารมีอิทธิปาฏิหาริย์บางข่าวลือกันว่าท่านเดินข้ามลำน้ำโขงมาฝั่งไทยได้อย่างสบายบางข่าวก็ว่าท่านถูกทหารฝรั่งเศสจับโทษฐานระดมผู้คนเพื่อทำการต่อต้าน แต่ตามความเป็นจริงญาติโยมทั้งหลั่งไหลศรัทธาสู่ท่านเพื่อรับฟังธรรมจากท่าน สุดท้ายพวกฝรั่งหัวแดงก็ทำอะไรท่านไม่ได้ต้องยอมสยบต่อท่าน
ทุกครั้งที่หลวงปู่กล่าวถึงสมเด็จลุนท่านจะเล่าด้วยความศรัทราและภาคภูมิใจในการเดินทางไปพบสมเด็จลุนนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านว่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของสมเด็จลุนตลอด สุดท้ายทราบข่าวว่าสมเด็จลุนเดินทางมาถึงนครจำปาศักดิ์ คราวนี้ท่านไม่ละโอกาสท่านได้กราบลาพระครูพลว่าจะไปกราบสมเด็จลุนให้จงได้ พระครูพลก็อนุญาตให้หลวงปู่คำมีเดินทางไปกราบสมเด็จลุนดังใจปรารถนา หลวงปู่คำมีออกเดินทางทันทีลุถึงนครจำปาศักดิ์สู่พำนักของสมเด็จลุน หลวงปู่คำมีท่านยังแปลกใจที่ตัวท่านเองดั้นด้นมาถึงสมเด็จลุนได้อย่างไร ส่วนสมเด็จลุนท่านยิ่งแปลกใจใหญ่ที่เห็นสามเณรน้อยมาหมอบที่ตรงหน้าท่าน ช่างกล้าหาญชาญชัยอะไรอย่างนี้ที่บุกป่าฝ่าดงมาหาท่าน คำแรกที่ท่านถามสามเณรน้อยมาหาข้าด้วยเรื่องอันใดและมาจากไหน หลวงปู่ก็เล่าให้ท่านฟังว่ามาจากแขวงสุวรรณเขต ทราบข่าวว่าท่านเก่งอยากมาเรียนวิชาจากท่าน สมเด็จลุนท่านได้ยินท่านยิ่งหัวเราะและชอบใจที่สามเณรน้อยที่มาจากแขวงสุวรรณเขตมีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เอ็งรู้ได้อย่างไรว่าข้าเก่งและข้าดีอย่างไร เณรคำมีก็ตอบสมเด็จลุนไปว่า ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านหลวงพ่อเก่งอย่างไร แต่ข้าน้อยมีความตั้งใจอยากมากราบหลวงพ่อให้ได้และขอเป็นศิษย์ สามเณรคำมีอยู่รับใช้ปรนนิบัติ สมเด็จลุนอย่างเคร่งครัด หลวงพ่อท่านสั่งสอนวิชา วิปัสสนากรรมฐานและวิชาวิทยาคมทั้งแนวทางปฏิบัติธรรมจิตภาวนากรรมฐานถึงขั้นสูงสุด สมเด็จลุนท่านเห็นว่าสามเณรคำมีเรียนวิชาอาคมและวิปัสสนากรรมฐานจนบรรลุกึงขั้นสุดยอดแล้วท่านจึงให้สามเณรคำมีกลับไปยังแขวงสุวรรณเขตเพื่อไปกราบโยมพ่อแม่ โดยท่านฝากไปกับกองคาราวานพ่อค้าชาวไทยใหญ่กลับโดยปลอดภัย
หลังกลับถึงวัดชุมพรพิสัยในความปกครองของพระครูพลชั่วขณะระยะหนึ่งเกิดความตั้งใจจะเดินทางไปไหว้พระธาตุพนมยังฝั่งไทย จึงลาพระครูพลเพื่อเดินทางมาฝั่งไทยพอเท้าเหยียบถึงแผ่นดินไทยริมฝั่งโขงตะวันตก เกิดข่าวข่าวลือถึงบารมีความเก่งกล้าของพระครูศรีทัตแห่งอำเภอท่าอุเทน พอนมัสการพระธาตุพนมเสร็จก็ไม่กลับแขวงสุวรรณเขต เบนเข็มทิศสู่อำเภอท่าอุเทนทันทีพอไปถึงก็ไปกราบนมัสการและเล่าความประสงค์ให้กับพระครูศรีทัตว่ามาจากฝั่งลาว พระครูศรีทัตจึงรับไว้เป็นศิษย์อยู่ฝึกวิปัสสนากรรมฐานถึงสามพรรษาที่ประเทศไทย หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่าอยู่กับหลวงพ่อศรีทัตนั้นท่านเข้มงวดมากตั้งแต่เรื่องของพระธรรมวินัย หลวงปู่ท่านอายุครบบวชท่านจึงลาหลวงพ่อศรีทัตกลับยังฝั่งลาวเพื่อไปทำการอุปสมบท
เมื่อกลับถึงแขวงสุวรรณเขตซึ่งเป็นบ้านเกิดก็บอกกับโยมพ่อโยมแม่ว่าอายุครบบวชเป็นพระภิกษุแล้ว โยมพ่อโยมแม่จึงไปให้พระครูพลแห่งวัดชุมพรพิสัยบวชเป็นพระภิกษุโดยพระครูพลเป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่กับโยมพ่อโยมแม่ของท่าน ๒ พรรษา สิ่งที่เร่งเร้าทางธรรมได้วิ่งเข้าสู่จิตของท่านอีกครั้งคราวนี้เป็นการจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อแสวงหาธรรมและไม่มีโอกาสได้กลับไปพบโยมพ่อโยมแม่อีกเลย ท่านได้ลาพระครูพลและโยมพ่อโยมแม่ออกสัญจรธุดงค์วัตรเตลิดข้ามโขงมาสู้ฝั่งไทยอีกครั่ง ธุดงค์ลัดเลาะแถวถิ่นอีสานหลายพรรษาทะลุสู่เมืองอุบลราชธานีในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ได้ยินข่าวกล่าวขานของชาวบ้านเมืออุบลราชธานีว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงแห่งเมืองสยามได้ทำการวางรถไฟถึงเมืองโคราชและจะทำการเปิดเดินทางรถไฟในเร็วๆนี้

เหตุการณ์ที่หลวงปู่คำมี ท่านประสบมากับตัวท่านเอง
สยบช้างป่า ในขณะที่ท่านธุดงค์มุ่งสู่เมืองโคราชได้ผ่านป่าดงดิบหลายป่า การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากเสี่ยงต่อภัยอันตรายอันใหญ่หลวง ยามค่ำคืนอาศัยจำวัดในทำเลที่เห็นว่าเหมาะสมเพื่อให้พ้นภัยท่านว่าตอนนั้นใจมันมุ่งอยากเห็นให้ได้ว่ารถไฟมันเป็นอย่างไร จึงไม่สนใจแล้วจะเป็นอย่างไรช่างหัวมัน อาศัยกำลังใจความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวอะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดเดินผ่านป่าลึกยังไม่ทันไรตกเย็นอากาศอึมครึมใกล้ค่ำ ท่านได้แผ่เมตตาและเล่าให้ฟังว่ามองหาที่จะพักผ่อนจำวัดในตอนกลางคืน ตาก็ไปจ๊ะเอ๋เข้ากับช้างป่าแม่ลูกอ่อน ในช่วงนั้นรู้สึกว่าจะเป็นลมให้ได้ เลยตั้งสติ กลัวก็กลัวมันทำไงได้จะหนีก็หนีไม่ได้ช้างก็ร้องเสียงดังตวัดงวงไปมาแถมกระทืบตีนลงพื้นมันเอาเราแน่ คนกลัวตายยกมือห้ามเข้าไว้พร้อมกับอ้อนวอนพูดหวานเข้าไว้และแผ่เมตตาให้ช้างแม่ลูกอ่อนอ้อนวอนเหมือนเราอ้อนพ่ออ้อนแม่อย่างนั้นแหละ แปลก ช้างก็หยุดร้องและกระทืบเท้ายืนอยู่กับลูกของเขาไว้เท่านั้น ตานี้เราก็ถือโอกาสโกยแนบเข้าป่าไป พูดจบท่านยังหัวเราะอย่างมีอารมณ์ดีที่สามารถรอดชีวิตในคราวนั้นได้แต่หลายคนที่ทราบประวัติของท่านในช่วงนั้นกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเพราะ“บุญบารมี” ของท่าน

เสือโคร่งหรือไอ้ลาย ฟังธรรมะ เสือดังกล่าวไม่ใช่เสือปล้นจี้ใจทมิฬ แต่เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ กลางดงคืนหนึ่งกำลังปักกรดเจริญภาวนาช่วงหัวค่ำปรากฏว่ามีเสือโคร่งขนาดใหญ่ ได้วนเวียนอยู่รอบๆกรด ครั้งแรกมันตั้งท่าจะเข้าทำร้ายหลวงปู่คำมี แต่หลวงปู่ได้นั่งภาวนาแผ่เมตตาจำถึงย่ำรุ่งยังคงปรากฏว่าเสือนั้นยังคงอยู่ แต่เป็นการหมอบนอนสงบนิ่งต่อหน้าหลวงปู่


( บน ) เหรียญอัลปาก้า หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี พ.ศ.๒๕๑๐ รุ่น แจกทหาร “ จงอางศึก ”

พระสมเด็จงิ้วดำโรยชนวนพระกริ่งไพรีพินาศ
หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี ( ขวามือ )


รถไฟเจ้าตัวประหลาด
เมื่อถึงช่วงหลวงปู่ท่านได้เล่าให้ศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังอย่างขบขันถึงเจ้าตัวประหลาดในความคิดของท่าน สูเอ๋ย ตอนที่ข้าอยู่เมืองลาว คำว่ารถไฟไม่เคยได้ยินเลยมันสงสัยว่าเจ้ารถไฟมันมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร จะเป็นตายอย่างไรก็ขอดูหน้ามันสักครั้ง ท่านได้เล่าต่อไปอีกว่า พอเดินถึงเมืองโคราช การวางรถไฟยังไม่แล้วเสร็จ ตั้งใจแล้วว่าอย่างไรก็จะต้องรอให้เห็นจนได้พอดีได้ยินชื่อเสียงความเป็นนักปฏิบัติมีญาณแก่กล้าท่านหนึ่งชื่อ หลวงปู่เสาร์ กณตสีโร แห่งวัดป่าสาละวัน ท่านจึงเดินทางไปกราบขอฝากตัวเป็นศิษย์ รับแนวทางปฏิบัติจากท่านหลวงปู่เสาร์ ท่านมีความแก่กล้าทางด้านกสิณเน้นความสำคัญของธาตุทั้ง ๔ อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ คือ “ นะ มะ พะ ทะ ” ซึ่งภายหลังหลวงปู่คำมีได้ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติแผ่พลังในการปลุกเสกวัตถุมงคล
ทางรถไฟแล้วเสร็จได้ปล่อยสู่เมืองโคราชเป็นปฐมฤกษ์ เที่ยวล่องสู่กรุงเทพฯหลวงปู่ท่านได้ลาหลวงปู่เสาร์เพื่อไปแสวงหาธรรมต่อ หลวงปู่ท่านได้มาสถานีรถไฟที่โคราชและได้ตีตั๋วไปขี่เจ้าตัวประหลาด(รถไฟ) ได้สมใจนึกแต่พอรถไฟได้มาถึงสถานีชุมทางบ้านภาชีท่านได้ลงและเดินธุดงค์มาถึงหนองโดนและไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทที่ อำเภอ พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่บ้านโปร่งสว่าง และได้สร้างวัดและอุโบสถ์ให้เจริญแก่หมู่บ้านประดู่และจำพรรษาอยู่วัดประดู่อยู่ ๑๖ปีและยังได้ทำการช่วยสร้างวัดตาลเสี้ยนจนเจริญรุดหน้าเป็นอย่างมาก
หนีความวุ่นวาย
หลวงปู่ท่านได้เล่าต่อไปอีกว่า เรื่องทั้งหลายมันชักจะวุ่นวายไม่มีเวลาในการแสวงหาความสงบและปฏิบัติธรรม จึงได้รวบรวมอัฐถะวัตรที่จำเป็นต่อการธุดงค์เดินจากวัดประดู่มุ่งสู่ทางลพบุรีทันทีญาติโยมมิได้อำลาแม้แต่น้อยเดินธุดงค์มาพบถ้ำเอราวัณ เงียบสงบจึงพักปักหลักเจริญภาวนาอยู่ในถ้ำญาติโยมพอทราบข่าวก็ติดตามมาให้กลับไปวัดเพื่อจะไปขอตำแหน่งพระครูให้ท่าน ที่ท่านหนีออกมาก็เพราะตำแหน่งลาภยศ ท่านว่าเป็นสิ่งมัวเมากิเลศ จึงมาอยู่ที่ถ้ำเอราวัณท่านก็ไม่ไปเลยเทศน์สั่งสอนโยมที่มานิมนต์ให้ท่านกลับ ญาติโยมต้องกลับไปอย่างผิดหวัง

เหรียญเสมาเนื้อตะกั่วรุ่นแรก หลวงปู่คำมี ออกทำบุญ วัดดงจำปา จ.ลพบุรี พ.ศ.๒๔๙๗ ( สร้างน้อย )
อยู่มาหมู่บ้านดงจำปาไม่มีวัด พวกญาติโยมจึงไปนิมนต์หลวงปู่มาให้ท่านช่วยสร้างวัดและพระอุโบสถให้ จนสำเร็จท่านก็อยู่จำพรรษาที่วัดดงจำปา (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น วัดใหม่ จำปาทอง) และท่านก็กลับไปเจริญภาวนาอยู่ที่ถ้ำเอราวัณอีก อยู่ที่ถ้ำเอราวัณ ๓ พรรษา พอดีตอนนั้นเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นบุกขึ้นประเทศไทย ท่านก็ย้ายจากถ้ำเอราวัณมาอยู่ที่ถ้ำคูหาสวรรค์ ต่อมาไม่นานเกิดสงครามเวียตนาม ท่านได้ทำวัตถุมงคลแจกแก่ทหารที่ไปรบปรากฏว่าทุกคนได้กลับมาด้วยความปลอดภัยทุกคน
เรื่อง ปาฏิหาริย์ที่ทุกคนเจอะเจอมา
๑. ร่างไม่เปียกฝน. ขณะที่หลวงปู่ปักกลดเจริญภาวนาอยู่ที่บ้านหนองปลาดุก (บันทึกไม่ทราบว่าเป็นจังหวัดใด)ครั้งนั้นมีหลวงตาทองคำและหลวงพ่อหงส์ ร่วมเดินธุดงค์ไปด้วย เมื่อพักปักกลดเจริญภาวนาอยู่ เกิดพายุฝนตกหนักน้ำป่าไหลบ่ามาทางที่ท่านและพระภิกษุทั้งสอง หลวงตาทองคำและหลวงพ่อหงส์ได้ละจากกลดที่กำลังเจริญภาวนาอยู่มายังกลดหลวงปู่คำมี ปรากฏเบื้องหน้าหลวงปู่คำมียังเจริญภาวนาของท่านอยู่ ท่ามกลางสายฝนสิ่งที่เห็นเป็นประหลาด น้ำมิได้ไหลบ่าท่วมเข้าไปยังกลดของท่านไม่ และร่างของท่านก็มิได้เปียกเช่นกับพระภิกษุทั้งสอง

เหรียญกลมกะไหล่ทองพร้อมโบว์ หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี พ.ศ.๒๕๑๙
๒. ย่นระยะทางได้. คราวที่ท่านพักจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ใหม่ๆชาวบ้านดงจำปา ได้มานิมนต์ท่านเพื่อไปฉันเพลที่บ้าน หลวงปู่สั่งให้มาผู้นิมนต์เดินทางไปล่วงหน้าก่อน เมื่อผู้นิมนต์กลับไปถึงบ้านถึงกลับตกตะลึงเมื่อเห็นหลวงปู่กำลังใช้น้ำล้างหน้าและล้างเท้า ทำให้สงสัยยิ่งนักท่านมาได้อย่างไรแซงตัวเขามาตอนไหน หลวงปู่ท่านย่นระยะทางได้แน่เพราะทางแถวนั้นป็นป่าไปหมดมีทางเดินเพียงทางเดียว

รูปหล่อฉีดเนื้อเงินรุ่นแรก หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี พ.ศ.๒๕๑๗
๓. เสกปูนให้จืด หลวงปู่คำมีในอดีตเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองลพบุรี ในการปลุกเสกไม่ว่าจะเป็นพิธีใหญ่หรือเล็ก หลวงปู่เป็นต้องถูกนิมนต์เข้าร่วมพิธีทุกครั้งและทุกครั้งก่อนเข้าพิธีท่านจะขอปูนแดงซึ่งเป็นปูนกินกับหมาก ก้อนขนาดเท่าหัวแม่มือมาทำการปลุกเสกปูนให้จืดเสียก่อนเพื่อเป็นเคล็ดลับในการแคล้วคลาดปลอดภัย วัตถุมงคลในนามหลวงปู่คำมี จึงได้รับคำกล่าวขานด้านนิรันตราย เมื่อมีผู้นำไปใช้บูชา เรื่องประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัยดีทุกคน ผลที่เกิดขึ้นเพราะอิทธิฤทธิ์บารมีซึ่งหลวงปู่คำมีได้ยืดนำมาจากหลวงปู่เสาร์ ใช้ธาตุทั้งสี่เป็นหลัก บรรจุพุทธาคมลงสู่วัตถุมงคลนั้นๆ ปาฏิหาริย์บารมีของหลวงปู่นั้นยังมีมากมาย แม้ปัจจุบันที่ท่านมรณภาพมานานสิบปี
๔. หายตัวได้ พระอาจารย์หวาน หลวงพี่จันทร์ พระทั้งสองซึ่งจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่คำมีที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์เล่าให้ฟังว่า ได้มีญาติโยมมานิมนต์พระในวัดไปฉันเพลพร้อมด้วยหลวงปู่คำมี อยู่บ้านดงน้อยต้องเดินทางไปเพราะทางเดินนั้นเป็นป่าและทุ่งนา ขากลับจากฉันเพลบ้านโยมผ่านสระน้ำและป่าอากาศวันนั้นร้อนมากหลวงปู่จึงแวะสรงน้ำปรากฏว่าท่านทั้งสองไม่เห็นหลวงปู่ จึงเทียวตามหาบริเวณนั้น จนกระทั่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่พบ เมื่อคิดว่าหลวงปู่ท่านคงไปจากที่นั้นเสียแล้วพระทั้งสองจึงได้ชวนกันกลับวัด เมื่อพระทั้งสองมาถึงวัดกับตกตะลึง หลวงปู่ได้เล่าให้พระทั้งสององค์ฟังว่าท่านเห็นพระทั้งสององค์ตามหาท่าน พระทั้งสองเล่าให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดว่าหลวงปู่หายตัวได้ พระทั้งสององค์ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ และจำพรรษาอยู่ที่วัดคูหาสวรรค์ ส่วนหลวงพี่จันทร์ได้กลับไปจำพรรษาที่บ้านเกิดของท่านคือ วัดศรีพิมล ต.บ้านโต้น อ.พระยืน จ. ขอนแก่น
๕. จ่าสำราญ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นทหารปืนใหญ่อยู่ที่จังหวัดลพบุรีเล่าให้ฟังว่าตอนไปทำบุญที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ เพื่อสมทบทุนสร้างพระอุโบสถ เมื่อทำบุญเสร็จแล้วท่านก็แจกเหรียญ เมื่อกลับถึงบ้านได้วางเหรียญหลวงปู่คำมีไว้บนหลังโทรทัศน์ และลืมสนิทเพราะตอนนั้นไม่ค่อยสนใจเรื่อง เครื่องรางของขลังตกประมาณ ๓-๔วันหลังจากได้รับเหรียญแล้ว ขโมยได้เข้าไปขโมยของภายในบ้านชั้นล่าง ได้เห็นโทรทัศน์วางอยู่จึงเข้าไปยกโทรทัศน์ แต่ไฉนจึงยกโทรทัศน์ไม่ขึ้น ขโมยจึงเรียกเพื่อนให้มาช่วยกันยกแต่ยกไม่ขึ้นพอดีจ่าสำราญตื่นขึ้นมาเจอขโมย เมื่อขโมยทั้งสองเห็นจ่าสำราญตื่นลงมาจึงชักปืนยิงจ่าสำราญลั่นกระสุนปืนเท่าไหร่ก็ไม่ออกเสียงดัง แชะ แชะ อยู่หลายนัด เมื่อจ่าสำราญตั้งสติได้ว่าขโมยยิงเขาไม่ออกทั้งๆที่ไม่มีอะไร แต่ในใจนึกถึงแต่หลวงปู่คำมี เมื่อตอนไปทำบุญที่วัด จึงรีบเดินเข้าไปหวังจับขโมย ขโมยเมื่อเห็นว่ายิงจ่าสำราญไม่ออกจึงต่างคนต่าง เผ่นโกยแนบออกไปโดยไม่ได้อะไรติดตัวไป
( ซ้ายมือ ) สมเด็จเนื้อว่านรุ่นแรก หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี พ.ศ.๒๕๐๙
๖. เกิดกับตัวจ่าวิทย์ บ้านอยู่บ้านดงจำปา จังหวัดลพบุรีซึ่งนับถือหลวงปู่คำมีเป็นอย่างมาก โดยนำสายคาดเอวที่หลวงปู่คำมีมอบให้มาใช้โดยคาดเอวอยู่ตลอด เวลาจ่าวิทย์ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานไปทำงานในตอนเช้าทุกวันเว้น เสาร์-อาทิตย์ ที่ไม่ถูกเวรยามอยู่ที่ ร.พัน๖ ลพบุรี ระหว่างที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานตามปกติ ในตอนเช้า ได้มีรถยนต์ขับมาชนบีบอัดก๊อบปี้อย่างแรง แต่จ่าวิทย์ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ส่วนรถมอเตอร์ไซค์พังยับเยิน
๖. เจ้าคำหิง เดิมอยู่นครเวียงจันทร์ประเทศลาวได้ย้ายอพยพมาอยู่ประเทศไทย แถวปากช่อง ได้มากราบหลวงปู่คำมีเพราะเป็นคนประเทศลาวด้วยกันหลวงปู่ท่านได้มอบ สายคาดเอวให้ ๑ เส้น ตอนนั้นเจ้าคำหิงไปทำธุระที่โคราชโดยมีญาติไปด้วย ขากลับมาจากโคราช ยางรถเกิดระเบิดรถเสียหลักตกลงไปข้างถนน ถนนสายนั้นมีแต่เหวปรากฏว่าผู้โดยสารที่มากับรถของเจ้าคำหิงปลอดภัยทุกคนเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ เจ้าคำหิงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ชาวบ้านที่มามุงดูต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องตายหมดทุกคนแน่ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากทั้งๆที่เจ้าคำหิงมีสายคาดเอวของหลวงปู่คำมีไปเส้นเดียว
๗. รายนี้ขอสงวนนาม อยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ นำสีผึ้งสีปากของหลวงปู่ที่มอบให้ไปนำมาตั้งบนโต๊ะ แล้วใช้ ปืน .๓๘ ยิงปรากฏว่าไม่ออกสักนิด พอหันกระบอกปืนไปทางอื่นลองยิงดู กลับออก แต่จริงๆแล้ว สีผึ้งของหลวงปู่ท่านให้เอาไปทา เวลาเข้าหาเจ้านายและค้าขาย เมตตาดี...
๘. คุณกัลยารัตน์ เกษราพงษ์ บ้านเลขที่ ๘๗/๔ ตรอกโพธิ์สามต้นกรุงเทพฯได้เล่าให้ฟังตอนไปร่วมทำบุญที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ได้พระสมเด็จนางพญาของหลวงปู่คำมีมา ๑ องค์แล้วอธิฐานขอให้มีโชคถูกรางวัลล๊อตเตอรี่ ปรากฏว่าคืนนั้นหลวงปู่มาเข้าฝันบอกให้ไปซื้อเลขท้ายสามตัวที่หลวงปู่มาบอกปรากฏว่างวดนั้นถูกเลขท้ายสามตัวตรงๆจริงที่หลวงปู่มาเข้าฝันบอก ตั้งแต่ซื้อล๊อตเตอรี่มาไม่เคยถูกเลยและหลวงปู่มาฝันบอกถูกอีกแปดงวดซ้อน ( ล่าง ) พระผงรูปเหมือนปรกโพธิ์ หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี รุ่น อายุ ๙๖ ปี
ผู้เขียนเองเคยเห็นและประสบการณ์มากับตัวเองในสมัยเมื่อเป็นวัยรุ่นได้มีปลัดอำเภอเมืองลพบุรีไม่ขอออกนาม ได้มาบูชาสายคาดเอวมาแขวนไว้ที่ต้นมะพร้าวพร้อมทั้งชักปืนออกมาลั่นไกยิงเสียงดังแชะ แชะ เมื่อหลวงปู่เห็นดังนั้นจึงบอกให้ลูกศิษย์ไปบอกว่าถ้าขืนยิงอีกเป็นอะไรจะไม่รับผิดชอบ ลูกน้องปลัดต้องมากราบขอโทษต่อหน้าหลวงปู่และขอขมาอภัยต่อหลวงปู่ ไม่ว่าวัตถุของท่านชิ้นใด ท่านจะสั่งว่าของดีห้ามลองแต่บางคนดื้อรั้นชอบลอง ผมสุดท้ายต้องมากราบขอขมาและขอโทษให้หลวงปู่ยกโทษให้ทุกราย และหลายต่อหลายรายที่มีประสบการณ์ที่มาเล่าให้หลวงปู่ฟังและตัวข้าพเจ้าบ้าง ฯลฯ
เมื่อท่านมรณภาพแล้วจิตวิญญาณท่านยังช่วยเหลือญาติโยมอยู่เนืองนิจอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ขอเอ่ยนามสามีเป็นข้าราชการทำงานอยู่โรงงานผลิตอาวุธ (กยส.) ที่จ.ลพบุรี ได้ไปคลอดบุตรที่ รพ.ลพบุรี บุตรเกิดเอาเท้าออกไม่กลับหัวลงเกิดอาการช๊อคขึ้น แม้แต่แพทย์ยังว่าผู้หญิงคนนี้คงต้องไม่รอดแน่จึงส่งเข้าห้อง ไอ ซี ยู ผู้หญิงคนที่คลอดบุตรเล่าให้ฟังว่า ในขณะที่หมอกำลังชุลมุนอยู่ได้เห็นภาพพระแก่ๆมาเป่าท้องให้ ตอนแรกหมอจะผ่าท้องเอาเด็กออกไม่แน่ใจว่าเด็กจะรอดหรือแม่จะรอด เพราะดูในฟิล์มเอ็กซเรย์แล้วเด็กไม่ยอมกลับตัวจะเอาขาออก กลับคลอดออกมาปลอดภัยแบบ ปาฎิหาริย์เมื่อฟื้นขึ้นมา แม้แต่นายแพทย์พร้อมกับพยาบาลยังงงหมดทุกคน ผู้หญิงที่คลอดบุตรกลับมาพักในโรงงานผลิตอาวุธได้ถามชาวบ้านว่าแถวนี้มีพระแก่ๆอายุมากที่มรณภาพไปบ้างไหมและได้ให้สามีเที่ยวถามหา เผอิญได้เข้ามาในวัดมากับสามีและได้มากราบศพท่าน และเหลือบไปเห็นภาพถ่ายหลวงปู่คำมีก็ได้บอกกับสามีว่านี่แหละ หลวงปู่องค์นี้แหละไปเป่าท้องให้จึงคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัยและได้มาขอเช่าบูชารูปภาพถ่ายของท่านพร้อมกับเหรียญของท่านไว้บูชาเพราะเคารพนับถือท่านมากทั้งๆที่ไม่เคยเห็นและรู้จักท่านมาก่อนเลย
มีหัวหน้าเกษตรกรมาประจำอยู่ที่ ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังพร้อมกับพระในวัด ว่าได้มีพระแก่ๆไปเข้าฝันบอกว่าให้มาเปลี่ยนผ้าจีวรให้ท่านหน่อยทั้งๆที่ท่านไม่เคยรู้จักและได้ทราบว่าในวัดถ้ำคูหาสวรรค์จะมีพระแก่ๆนอนมรณภาพอยู่ในโลงแก้ว ในฝันบอกว่านอนมรณภาพอยุ่ในโลงแก้วข้างๆมีภาพถ่ายท่านอยู่ หัวหน้าเกษตรก็พยายามหาถามวัดต่างๆที่อยู่ในเขตโคกตูมก็ไม่เห็นมีดังที่ฝันจึงได้สอบถามชาวบ้านแถวนั้น ชาวบ้านก็แนะนำว่ามีหลวงปู่คำมีท่านนอนมรณภาพอยู่ในหีบแก้วที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ต.นิคมฯ อ.เมือง จ.ลพบุรี ดังนั้นหัวหน้าเกษตรจึงมาตามคำบอกเล่า ได้มาพบเห็นและภาพถ่ายของหลวงปู่ที่อยู่ข้างโลงแก้วเมื่อเห็นภาพก็จำได้ในแบบที่ไปฝัน เมื่อเห็นแล้วจึงกลับเข้าตัวเมืองไปซื้อผ้าไตรจีวรให้หลวงปู่แล้วถูก ลอตเตอรี่รางวัลที่สองหนึ่งใบ แต่ก่อนนั้นซื้อมาไม่เคยถูกเลย ตั้งแต่นั้นจึงได้นับถือหลวงปู่คำตลอดมา
ถึงแม้ว่าท่านได้จากโลกนี้ไปสู่ยังเบื้องบนสวรรค์ เพราะหลวงปู่ท่านคำมีท่านไม่เคยทำบาปกรรมมาเลยแม้แต่น้อย ท่านบวชมาตั้งแต่เป็นสามเณรตลอดจนเป็นพระภิกษุสงฆ์ท่านสร้างแต่คุณงามความดีตลอดมาและช่วยเหลือ ญาติโยมและพระภิกษุสามเณรตลอดจนชี พราหมณ์ที่มาพึ่งใบบุญต่อท่าน คุณงามความดีนี้ หลวงปู่คำมี พุทธสาโร พอท่านมรณภาพแล้วศีรษะร่างกายของท่านจึงไม่เน่าเปื่อย ร่างของท่านได้กลายเป็นหินใสบริสุทธิ์ซึ่งท่านรักษาศีลภาวนาตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบสานพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อมาก็เพราะบุญญาบารมีของ หลวงปู่คำมี พุทธสาโร ผู้เขียนอยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะคุณบิดา-มารดาและครูบาอาจารย์ตลอดจนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันและบารมีของ หลวงปู่คำมี พุทธสาโร
วัตถุมงคลที่ท่านสร้างเอง
และ
ศิษยานุศิษย์สร้างถวาย มีหลายรุ่น หลายแบบ

สมัยผู้เขียนมาอยู่กับท่าน ท่านได้แจกมอบเหรียญที่ท่านได้โปรดช่วยสร้างวัดดงจำปาทอง ให้กับข้าพเจ้าเป็นเหรียญรูปเสมา ท่านเล่าให้ฟังว่ามีเนื้อตะกั่วกับเนื้อทองเหลืองเนื้อทองแดง ผู้เขียนมาอยู่กับท่านเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ ท่านให้มาค้าขายอยู่ในวัด มาขายเครื่องดื่มและกาแฟ หลวงปู่ท่านชอบฉันกาแฟที่ข้าพเจ้าขาย ที่มาอยู่กับท่านข้าพเจ้าจำได้ว่าท่านได้ทำ สายคาดเอว,สีผึ้งสีปาก และ ได้มีศิษยานุศิษย์ที่เคารพและเลื่อมใสศรัทธาท่านมากโดยเฉพาะ นายเชิญ พันธุ์เจริญ ได้ฝากตัวรับใช้หลวงปู่มาตลอด ไม่ว่าหลวงปู่จะสร้างอะไรทำอะไร นายเชิญ ต้องมารับใช้ตลอด นายเชิญ พันธุ์เจริญ เจ้าของร้าน “พันธุ์เจริญ” อยู่ในตัวเมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
สิ่งที่ท่านชอบมากคือสายคาดเอวและสีผึ้งสีปาก ทำไว้มากมายเพื่อแจกญาติโยม ที่มาทำบุญกับท่าน ต่อมาท่านได้กลับไปเวียงจันทร์แขวงสุวรรณเขตุเพื่อไปเยี่ยมโยมบิดามารดาที่บ้านเกิด ท่านได้นำว่านจำปาศักดิ์มาจากนครจำปาศักดิ์เป็นจำนวนมากมาทำเป็นพระผงชินตะกั่วพร้อมทั้งทองลูกบวบมาหล่อทำพระทองลูกบวบ
ส่วนแก่นทองนั้นท่านได้มาหล่อเป็นพระกริ่ง และพวกเนื้อชินท่านได้มาทำหล่อพระแบบสามพี่น้อง,พิมพ์หยดน้ำ และอีกหลายอย่างซึ่งตัวข้าพเจ้าเองจำได้เพียงเท่านี้ท่านมรณภาพที่ รพ. มิชชั่นที่กรุงเทพฯและนำ ศพท่านมาที่วัดคูหาสวรรค์ ต.นิคมฯ อ.เมือง จ.ลพบุรี ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ รวมอายุท่านได้ ๑๐๘ ปี พรรษา ประมาณ ๙๐ กว่าพรรษา
ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านเคยปรารภว่า เมื่อท่านตายห้ามนำศพท่านเผาหรือฝังโดยเด็ดขาดเพราะท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ดี หลวงปู่คำมีท่านมีชีวิตอยู่ท่านช่วยเหลีอญาติโยม ใครมาขออะไรท่าน ท่านต้องช่วยแหลือมาตลอดไม่ว่าจะเป็น ยาจก ผู้ดี ข้าราชการ ครู ทหาร ตำรวจ มาขอท่าน ท่านจะช่วยไม่ว่ากิจนิมนต์หรือเรื่อง พุทธาภิเศก ตามวัดต่างๆ ท่านไม่เคยขัดนิมนต์แม้แต่น้อยจะเห็นได้ว่า บุญญาธิการท่านมากล้น ท่านสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ทุกเรื่อง